ภาคที่1
MySQL นับว่าเป็นหัวใจของ Web Server อีกตัวหนึ่งเลยก็ว่าได้เพราะว่า MySQL นั้นเป็นแหล่งข้อมูลที่สามารถเรียกใช้งานได้อย่างรวดเร็ว วันนี้ผมจะเอาประสบการณ์เกี่ยวกับการ Config MySQL มาให้อ่านกัน
ผมอิงตามรุ่น 4.1 โดยใช้กับ Server ที่ใช้ tis620 เป็น Default นะครับ
เริ่มต้นที่การ Compile PHP ให้สนับสนุน MySQL
ปกติแล้วสามารถ Compile PHP ให้สนับสนุน MySQL ด้วยการใช้ –with-mysql วิธีการนี้จะเป็นการใช้ MySQL Lib Client ที่ Bundle มากับ PHP ครับ ซึ่งเป็น Version เก่า นอกจากนี้ยังมี Extension ใหม่ชื่อ MySQLi ซึ่งถ้าจะใช้ MySQLi จะไม่สามารถใช้ MySQL Lib Client ที่ Bungle มาด้วยได้ มันจะตีกัน ดังนั้นเริ่มต้นผมแนะนำให้คุณ Compile PHP ด้วย –with-mysql=/usr/local/mysql (หรือถ้า mysql อยู่ที่อื่นก็ใช้ path อื่นแล้วกันครับ)
เพื่อความสะดวกในการใช้งานภาษาไทย มักจะ setup ใน my.cnf ว่า default-character-set = tis620 วิธีการนี้จะทำให้ MySQL ทำงานช้าลงไปประมาณ 20 - 30% แต่ไม่เป็นไรครับ เพราะว่ายังไงผมก็ต้องใช้ภาษาไทยอยู่แล้ว
หลังจากใส่คำสั่งว่า default-character-set = tis620 ลงไปใน my.cnf แล้ว ผมที่ได้คือ MySQL Client มันต๊องครับ เพราะว่า Charset ของ Server เป็น tis620 แต่ของ Client เป็น Latin ครับ ดังนั้นต้อง setup เพิ่มอีกตัวหนึ่งคือ skip-character-set-client-handshake ใส่ส่วน my.cnf ครับ วิธีการนี้จะทำให้ Client ทำงานที่ Charset เดียวกับ Server เลยครับ
skip-locking - อันนี้ถ้าจำไม่ผิดเขาเปลี่ยนชื่อเป็น skip-external-locking เกี่ยวกับการทำ Repicate MySQL Server ผมไม่แน่ใจว่าถ้ามี Server เดียวจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพอะไรได้หรือเปล่า แต่ใส่ไว้ก็ไม่เสียหายครับ
skip-thread-priority - เป็นการกำหนดครับว่าไม่ต้องให้ thread แซงคิวกันได้ MySQL จะให้ QUERY แต่ละแบบมีความสำคัญไม่เท่ากัน ผมจำไม่ได้ว่าอะไรมากกว่าอะไร แต่การเอาหัวข้อนี้ออกทำให้ระบบ queue ของ MySQL ไม่ต้องมายุ่งยากกับการจัดคิวและทำงานเป็น FIFO แทนครับ
skip-bdb - ไม่ได้ใช้ก็ข้ามไปครับ ถ้าใช้ bdb ก็ Comment บรรทัดนี้ซะ สำหรับผมแล้วผมใช้แค่ MYISAM กับ INNODB ครับ
skip- innodb - ถ้าใช้ innodb ก็ Comment บรรทัดนี้ซะ เหมาะสำหรับ ลงไว้ที่ mysql บน windows จะเปลี่ยนเป็น MYISAM ตามค่า default-storage-engine = MYISAM
skip-networking - อันนี้เป็นการบอก MySQL Server ว่าไม่ต้อง Listen ที่ INET SOCKET ครับ ให้ Listen ที่ UNIX SOCKET อย่างเดียวพอ อันนี้ไม่ได้เพิ่มความเร็วมากนัก แต่ลดโอกาสการโดนโจมตีได้ครับ
log-slow-queries - อันนี้ใช้เฉพาะเวลาที่ต้องการดูว่า Query อันไหนทำงานช้า จะได้มาปรับแต่งได้ครับ
ภาคที่ 2
การบริหาร Thread - ตัวแปรเกี่ยวกับ Thread ที่สำคัญของ MySQL คือ thread_cache ตัวแปรนี้จะเป็นการไม่ทำลาย thread ของ MySQL ให้ต่ำกว่าเลขนี้ครับ ปกติก็เดาไปเรื่อยๆ ครับ โดยดูจาก Status ของ MySQL ผมแนะนำให้ดูจาก phpMyAdmin ครับ สะดวกดี จะมีค่าเกี่ยวกับ thread คือ
Threads cached 143
Threads connected 7
Threads created 532
Threads running 1
Threads cached - คือจำนวน threads ที่อยู่ในโปรแกรม MySQL ตอนนี้ จะเห็นได้ว่ามี 143 threads
Threads connected - คือจำนวน threads ที่ใช้งานจริงๆ ครับ
Threads running - คือ threads ที่กำลังหาผลการ Query อยู่ครับ
Threads created - คือจำนวน threads ที่สร้างใหม่ตั้งแต่เริ่ม Server มาครับ ถ้าค่านี้เพิ่มเร็วเกินไป ให้เพิ่มจำนวน Thread_cache ครับ ผลที่ได้คือ MySQL จะทำงานเร็วขึ้นนิดหน่อยเพราะว่าจะไม่ต้องเสียเวลา สร้างและทำลาย Threads บ่อยๆ ครับ
ภาคที่ 3
MYISAM กับหน่วยความจำ ตัวแปรที่เราสนใจคือ
key_buffer_size=32M หรือ 50%ของแรม ใช้ Table MyISAM
sort_buffer_size=1M
read_buffer_size=1M
read_rnd_buffer_size=4M
- Key Buffer คือพื้นที่สำหรับ Cache ค่า Key ของแต่ละ Table ครับ โดยที่ Key ของ MySQL มี 3 ตัวคือ PRIMARY, INDEX และ UNIQUE ครับ ปกติถ้ามีการใช้ Table MyISAM มากๆ ค่านี้ควรจะมากๆ ครับ ของผมมีใช้ไม่มากเลยไม่ต้องใช้ค่า Key_Buffer_size มาก แนะนำ 16MB สำหรับแรม 256 และเพิ่มมากขึ้นเมื่อแรมมากขึ้น